เอาตัวรอดจากภัยในที่จอดรถ ผู้หญิงจำไว้ เลือกที่จอดรถไม่ผิด ชีวิตไม่เปลี่ยน

ที่จอดรถที่ “ใช่”

แอนมีนิสัยไม่ชอบวนหาที่จอดรถหลายชั้น ถ้าเธอเจอที่จอดรถว่าง แม้จะต้องเดินไกลหน่อยกว่าจะถึงประตู เธอจะหักหัวเข้าจอดทันที

ขณะที่อุ๋มอิ๋มมีนิสัยตรงกันข้าม เธอยอมวนรถชั้นแล้วชั้นเล่า จนกว่าจะเจอที่จอดรถที่ถูกใจ

แอนรำคาญอุ๋มอิ๋มมาก เธอเคยตั้งคำถามว่า
“นี่เธอจะหาที่จอดรถหรือหาคู่แต่งงานยะยายอุ๋มอิ๋ม วนไปวนมาจนเวียนหัวแล้วนะ อยากรู้จริงๆ ว่าจะวนหาอะไร”

อุ๋มอิ๋มไม่โกรธ เธอหัวเราะขณะที่สอดส่ายสายตาหา “ที่จอดรถที่ใช่” อย่างอดทน

และนี่คือ คุณสมบัติของ “ที่จอดรถที่ใช่” ของสาวใจเย็นอย่างอุ๋มอิ๋ม

ที่จอดรถที่ใกล้ประตูทางออกจากอาคารมากที่สุด
ที่จอดรถที่สว่างที่สุด ยิ่งอยู่ใต้แสงไฟฟ้ายิ่งดี
ที่จอดรถตรงกลางลาน มองเห็นได้รอบคัน ดีกว่าที่จอดรถหันหลังเข้ากำแพง
ที่จอดรถที่ไม่อยู่ข้างรถตู้คันใหญ่ หรือรถบรรทุกที่บังรถเธอจากสายตาคนอื่น
ที่จอดรถที่ไม่ถูกเสาบัง ไม่อยู่ในซอกมุมอับทึบ  เพราะคนร้ายที่ไม่ได้นัดหมายมักแอบซ่อนอยู่ตามเสา ตามซอก และโจมตีทางด้านหลังเสมอ
ที่จอดชั้นล่างๆ ของตึกสูง เพราะชั้นล่างเป็นชั้นที่รถทุกคันต้องขับลงมา ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น โอกาสมีคนเห็นเหตุการณ์สูงกว่าชั้นบน
















หันท้ายเข้าซอง

และตรงกันข้ามกับแอนที่ชอบหักหัวเข้าจอดเพราะมันง่ายดี  อุ๋มอิ๋มยอมเสียเวลา หันท้ายรถเข้าซองทุกครั้ง

อุ๋มอิ๋มเชื่อว่า การจอดรถแบบหันท้ายเข้าซอง ทำให้เธอใช้เวลาน้อยลง เมื่อต้องรีบออกรถแบบกะทันหัน
 ถ้าเกิดมีคนร้ายจู่โจมเข้ามา เธอจะได้ขึ้นรถปิดประตู แล้วออกรถหนีได้ทันท่วงที

ที่สำคัญ ต่อให้มีกระดาษหรืออะไรมาแปะท้ายรถ เธอก็ยังขับรถออกมาได้โดยไม่ต้องลงไปดึงออก เพื่อที่จะถอยรถจากซองได้


รถคันนี้ไม่มีอะไรมีค่า

แอนมักคิดว่าล็อครถแล้วใครทำอะไรไม่ได้ ก่อนลงจากรถ เธอไม่เคยกวาดตาดูเลยว่ารถตัวเอง “น่าปล้น” ขนาดไหน

บางครั้งเธอจอดรถเสร็จ ยังนั่งดูทีวีในรถต่อหน้าตาเฉย เหมือนประกาศให้โจรรู้ว่างัดรถมีฐานะคันนี้สิ งัดแล้วคุ้ม!

ตรงกันข้ามกับอุ๋มอิ๋มที่ยอมเสียเวลาก่อนลงจากรถ ทำรถของเธอให้ดูน่าปล้นน้อยที่สุด

โทรศัพท์มือถือ ไอพอด คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค กระเป๋าแบรนด์เนม กล่องเครื่องประดับอะไรก็ตามที่เชิญชวนให้คนร้ายเกิดกิเลสอยากได้ เธอเอาซ่อนเสียให้พ้นสายตา

ของชิ้นเล็กจับใส่ช่องเก็บของให้หมด ของใหญ่เอาซ่อนใต้เบาะ เตรียมถุงโทรมๆ ไว้ใส่ของมีค่า คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค ถ้าไม่จำเป็นอย่าโชว์กระเป๋าโน้ตบุ๊คล่อตา  หาถุงขนาดใกล้เคียงกันใส่ไว้อีกชั้นจนดูไม่ออกว่าคืออะไร  รถยนต์ไม่ใช่งานนิทรรศการ ไม่ต้องอวดของมีค่าในรถเพื่อเชิญโจรให้ปล้นคุณ


ทุกครั้งที่กลับมาขึ้นรถ
เสร็จธุระแล้ว ก่อนออกมาจากอาคาร อุ๋มอิ๋มจะเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ในที่จอดรถ เธอจะเปิดกระเป๋าหยิบกุญแจรถมาถือไว้ บัตรจอดรถเตรียมค้นหาให้พร้อมสรรพ ไม่เคยเสียเวลายืนควานหาของที่ข้างรถอย่างแอน

ทุกครั้งก่อนเดินมาขึ้นรถ อุ๋มอิ๋มจะมองมาจากไกลๆ ดูว่า “สภาพแวดล้อม” น่าวางใจหรือมีอะไรผิดสังเกต ข้างรถมีผู้ชายน่าสงสัยเดินเตร่อยู่ หรือนั่งอยู่ในรถคันที่จอดอยู่ข้างรถตัวเองหรือไม่

ถ้าอุ๋มอิ๋มรู้สึกว่าสถานการณ์ไม่ดี หรือท่าทีไม่ชอบมาพากล เธอจะเดินกลับเข้าไปในห้างหรือในตึกอีกครั้งทันที

เธอยอมเสียเวลาเช่นนี้จนเป็นนิสัย ไม่ว่าพบสิ่งใดก็ตามที่ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ เธอจะเดินกลับเข้าไปในห้างหรือในอาคาร เธอยอมเสียเวลาแต่ไม่ยอมเสียใจ เพราะเธอเคยอ่านข่าว ผู้หญิงไขกุญแจรถตัวเองที่จอดอยู่ข้างรถตู้ ถูกไอ้วายร้ายที่ซ่อนอยู่ในรถตู้ เปิดประตูออกลากตัวเข้าไปในรถมัน

อุ๋มอิ๋มไม่อยากให้เหตุการณ์เช่นนั้นเกิดกับตัวเอง แต่ถ้าไม่มีอะไรผิดสังเกต เมื่อเดินไปถึงรถตัวเองแล้ว
อุ๋มอิ๋มจะกวาดสายตามองในรถอย่างรวดเร็ว  เช็คว่าไม่มีอะไรผิดปกติในรถ ไม่มีใครซ่อนอยู่ใต้เบาะหรือหลังรถ

ถ้าวันไหนโชคร้ายได้ที่จอดรถไกล หรือห้างไม่ยอมเปิดไฟให้สว่าง อุ๋มอิ๋มไม่เคยอายที่จะขอความช่วยเหลือ เธอจะขอร้องให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเดินมาส่งเธอถึงรถ

ทั้งหมดนี้แม้แอนจะค่อนเสมอว่าเธอเป็น “ประสาท” แต่อุ๋มอิ๋มไม่โกรธ เพราะสำหรับเธอแล้ว “เป็นสาวประสาทในสายตาใครๆ ดีกว่าเป็นสาวมั่นใจในห้องไอซียู”


รู้ไหมว่าฉันเป็นผู้หญิง

ไม่เพียงของมีค่าท้าโจร แต่สารพัดสมบัติประกาศความหน่อมแน้ม ก็เปรียบเหมือนการเปิดโพรไฟล์ให้โจรรู้ว่า เจ้าของรถคันนี้เป็นผู้หญิง

เรื่องจริงเกิดขึ้นมาแล้ว เมื่อรัตนิภาจอดรถในห้าง แล้วลงจากรถพร้อมทั้งทิ้งข้าวของบ่งบอกความเป็นผู้หญิงแท้ ตั้งแต่ที่หุ้มพวงมาลัยสีชมพูหวาน  รองเท้าฟองน้ำลายดอกไม้ หมอนเฮลโหลคิตตี้ กระเป๋าเครื่องสำอางบนเบาะหน้า และตะกร้าซีดีบุลูกไม้ ไว้ “เชื้อเชิญ” โจร

เมื่อเธอกลับมาขึ้นรถ กำลังจะออกรถอยู่แล้ว เธอเหลือบเห็นว่ามีกระดาษใบใหญ่ติดกระจกหลังรถอยู่
รัตนิภางงเล็กน้อย อาจปาดหน้ารถใครแล้วถูกเขียนด่า เธอเปิดประตูรถจะเดินลงไปดูอยู่แล้ว แต่ชะรอยบุญรักษา!

สายตาเธอเหลือบเห็นในกระจกส่องหลังเสียก่อนว่ามีผู้ชายคนหนึ่งใส่หมวกแก๊ปเก่าๆ แอบดูเธออยู่หลังเสา

รัตนิภาตัวชาวูบ ปิดประตูล็อครถ แล้วตัดสินใจสตาร์ท ออกรถไปจนถึงบริเวณที่มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และขอให้เจ้าหน้าที่ช่วยดึงกระดาษที่ท้ายรถออกให้

เมื่อเงยหน้าขึ้น เธอเห็นรถกระบะคันหนึ่งแล่นผ่านไปอย่างเร็ว รัตนิภาจ้องเขม็งดูรถคันนั้น แล้วเห็นหมวกแก๊ปเก่าๆ ของชายที่แอบดูเธอเมื่อสักครู่ ซุกแอบอยู่ท้ายกระบะ!

รัตนิภามองดูในรถตัวเอง มองดูรถที่จอดอยู่เต็มลาน แล้วสงสัยว่า “ทำไมต้องเป็นฉันด้วย”

ฉับพลันเธอฉุกใจคิดขึ้นมา เป็นไปได้ไหมที่สมบัติพัสถาน ที่บ่งบอกความเป็นผู้หญิงในรถ ทำให้เธอได้รับเกียรติให้เป็น “เหยื่อ” ข้าวของหวานแหววน่าเอ็นดู ที่ประกาศให้โลกรู้ว่าเธอคือ “ผู้หญิงขับรถคนเดียว”

จะใช่อย่างที่คิดหรือไม่ก็ตาม แต่หลังรอดปากเหยี่ยวปากกามาได้หวุดหวิด รัตนิภาก็จัดรถใหม่หมด ถอดที่หุ้มพวงมาลัยไปเก็บ ขนข้าวของหญิงๆ ทั้งหลายขึ้นบ้าน ของที่จำเป็นถูกเก็บใส่กล่องพลาสติกสีธรรมดามีฝาปิดไม่ให้ใครเห็น

วันนี้ ในรถของรัตนิภาไม่เพียงมีเสื้อแจ๊คเก็ตยีนส์ยูนิเซ็กส์ และหมวกแก๊ปลายพราง แต่ยังมีรองเท้าวิ่งมาราธอน ไม้เบสบอล  และคู่มือฝึกยิงปืนวางไว้ด้วย!


เรื่องจริงชิงรถ

เรื่องจริงอีกเรื่อง เมื่อนักศึกษาสาวเอแบคคนหนึ่ง ประสบเหตุร้ายในลานจอดรถเมืองพัทยา

วันนั้นเธอออกไปเดินเล่นในห้างคนเดียว ตั้งแต่อยู่ในห้าง เธอก็สังเกตเห็นแล้วว่ามีผู้ชายเดินตาม มาตลอดทาง

แม้จะรู้สึกใจไม่ดี แต่สักพักเมื่อผู้ชายคนนั้นหายไป เธอก็คิดว่าตัวเองคงอุปาทานไปเอง จนกระทั่งถึงเวลาห้างใกล้ปิด

นักศึกษาสาวเดินออกมาที่ลานจอดรถ ขณะที่ไขกุญแจจะขึ้นรถ เธอไม่รู้เลยว่ามีผู้ชายคนหนึ่งแอบซุ่มอยู่ มันรอจังหวะที่เธอเปิดประตูเข้าไปนั่งในที่นั่งคนขับ เปิดประตูหลังคนขับพรวดเข้ามานั่งข้างหลังเธอ แล้วชักปืนออกมาจี้

นักศึกษาสาวกลัวมาก เธอไม่สนใจว่ามันจะยิงเธอหรือไม่ เปิดประตูวิ่งแจ้นพร้อมกับร้องตะโกนให้คนช่วยสุดเสียง

คนร้ายแม้จะมีอาวุธปืน แต่เจตนาที่แท้จริงเพียงประสงค์ทรัพย์ไม่ใช่การฆ่า มันจึงตะกายออกจากรถแล้ววิ่งหนีไปทางหน้าห้าง ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของห้าง และพลเมืองดีเห็นเหตุการณ์
จึงช่วยกันไล่กวดจนจับตัวไว้ได้

ที่พัทยาเช่นกัน เหยื่อสาวแดนเซอร์อีกรายให้การว่า เธอถูกจี้ขณะกำลังเข็นข้าวของออกจากห้างกำลังจะเก็บขึ้นรถ โดยคนร้ายเดินเข้ามาประกบทางด้านหลังแล้วชักอาวุธปืนขู่บังคับให้เธอส่งกระเป๋าสตางค์ที่ถืออยู่ในมือให้มัน

แต่สาวแดนเซอร์ชำนาญกว่า จึงใช้จังหวะที่คนร้ายเผลอต่อสู้ถีบคนร้ายจนกระเด็นล้มกลิ้ง แล้วตะโกนให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยช่วย

คนร้ายเห็นท่าไม่ดีจึงวิ่งหนีออกไปทางหลังห้าง ทั้งสองสาวโชคดีที่เอาชีวิตรอดมาได้ เพราะคนร้ายประสงค์เพียงแค่ทรัพย์ไม่ใช่ชีวิต

เรื่องจริงสองเรื่องนี้ นอกจากสอนให้รู้ว่า ลานจอดรถห้างสรรพสินค้าไม่ปลอดภัยอย่างที่คุณ (เคย) คิดแล้ว มันยังสอนเราอีกว่า

1) เชื่อสัญชาติญาณไว้ก่อนดีกว่า ถ้ารู้สึกว่าถูกตาม
อย่าคิดว่ามันเป็นอุปาทาน ขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ ให้ช่วยเดินมาส่งคุณที่รถ

2) เมื่อคุณต้องขนข้าวของพะรุงพะรังใส่รถ ระวังตัวเองเพิ่มขึ้น
ของมีค่าเช่นกระเป๋าสตางค์หรือเงินทอน เก็บลงกระเป๋ารูดซิปให้พ้นตาโจรไว้ก่อนเสมอ


อย่าให้เวลาโจรปล้นคุณ

เมื่อคุณมาถึงรถแล้ว แม้สภาพแวดล้อมจะ(ดูเหมือน)ปลอดภัย อย่ามัวแต่พิรี้พิไรทำธุระ ล็อคประตูแล้วออกรถทันที!!!

ผู้หญิงขับรถ มีแนวโน้มที่จะทำโน่นนี่จิปาถะให้เสร็จก่อนออกรถ คุณทำได้เฉพาะเมื่ออยู่ในโรง รถที่บ้าน แต่ห้ามทำเด็ดขาด

ในที่จอดรถห้างสรรพสินค้า ในลานจอดรถสาธารณะ หรือริมถนนเปลี่ยว คุณไม่รู้หรอกว่าอาจมีอาชญากรที่ซุ่มดูคุณอยู่

มันอาจเดินตามดูพฤติกรรมคุณมาตลอดทาง มันรู้ว่าคุณขับรถมาคนเดียว และกำลังง่วนทำเรื่องไม่เป็นเรื่องหลังช้อปปิ้งเสร็จ เช่น จัดข้าวของใส่ถุง อพยพของไว้หลังรถ ควานหาของในช่องเก็บของ เปลี่ยนรองเท้า หรือแม้แต่แต่งสวยในที่นั่งคนขับ พฤติกรรมประมาททั้งหมด

โดยเฉพาะการง่วนจัดของในกระโปรงท้ายรถ หรือยงโย่ยงหยกจากเบาะหน้า มาจัดของในเบาะหลัง หันหลังให้ประตูรถ อันตรายมากๆ

ความเลินเล่อเช่นนี้ จะชักนำคุณให้พบกับเพื่อนร่วมทางโฉดที่หน้าด้านเปิดประตูรถขึ้นมาด้าน หลัง เอามีดจี้คอคุณ แล้วสั่งให้คุณขับรถไปยังจุดหมายที่มันต้องการ

โอกาสงามที่ใครก็ตามมีช่องทางขึ้นรถคุณได้ มีตั้งแต่ เมื่อคุณขึ้นรถ
เมื่อคุณขับรถ เมื่อคุณลงจากรถ ขึ้นรถแล้ว อย่ามัวแต่ทำเรื่องอื่นใด
อย่าสนใจอะไรที่ไม่ควรสนใจ ล็อครถแล้ว อย่ามัวแต่ทำธุระล่อโจร จงออกรถไปทันที!


อย่ารอให้น้ำมันหมดถัง เติมพลังไว้เสมอ

ลินลาติดนิสัยเรื่อยเฉื่อย ถ้าเข็มน้ำมันไม่ชี้ที่ก้นถัง หรือไม่มีไฟเตือนให้เติมน้ำมัน เธอไม่มีวันเฉียดใกล้ปั๊มเด็ดขาด แล้ววันร้ายคืนร้ายก็มาถึง เมื่อลินลาขับรถเข้าไปจอดในอาคารสำนักงานแห่งหนึ่ง เธอไม่ได้สังเกตเลยว่า ไฟเตือนเติมน้ำมันเป็นสีแดงมาตั้งแต่เช้าแล้ว

เมื่อทำธุระเสร็จกลับมาขึ้นรถ เวลานั้นดึกมากแล้ว เธอรู้สึกว่ามีเงาตะคุ่มจากเสาใหญ่ด้านหลัง เคลื่อนเข้ามาที่ตัว ลินลาขึ้นรถและล็อครถทันท่วงที แต่ขณะที่เธอสตาร์ทรถเตรียมขับหนี
เธอก็พบว่ามันสตาร์ทไม่ติด ลินลาเบิกตากว้าง นึกอยากเอาหัวโขกพวงมาลัยสักร้อยครั้ง เครื่องยนต์ของเธอไม่ใช่ปัญหา แบตเตอรี่ของเธอใหม่เอี่ยม หม้อน้ำรถยนต์มีน้ำเต็ม ปัญหาคือน้ำมันของเธอเกลี้ยงถัง!!!!

อย่าให้เรื่องน่าเขกหัวตัวเองแบบนี้เกิดขึ้นกับคุณ

ถ้าคุณขับรถคนเดียว เติมน้ำมันให้เกินครึ่งถังขึ้นไปไว้เสมอ

 

เลิกดูหนังรอบดึกคนเดียวเสียที

พิราภรณ์สาวมั่น วันนี้ทำงานทั้งวันจนเหนื่อยล้า เธอวางแผนพักสมองด้วยการหาหนังดูสักเรื่อง

ชวนใครก็ไม่มีใครไปเป็นเพื่อน ด้วยความรำคาญใจ ฉันดูคนเดียวก็ได้ไม่เห็นแคร์

คืนวันศุกร์รถติดเป็นตังเม กว่าจะไปถึงโรงหนังก็สองทุ่มครึ่ง ในที่จอดรถเธอเห็นรถจอดแน่นเต็มลานจอด
กว่าจะหาที่จอดรถได้ก็หมดไปอีกครึ่งชั่วโมง ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องดูหนังรอบสามทุ่มครึ่ง

ดูหนังเสร็จราวห้าทุ่มกว่า ออกจากโรงมาเจอก้องเกียรติ เพื่อนเก่าโดยบังเอิญ เธอจึงอาสาขับรถไปส่งเขาที่บ้าน ทั้งสองเดินออกมาด้วยกันที่ลานจอดรถ

ตอนนั้นรถที่จอดแน่นๆ หายไปหมดเหลือไม่กี่คัน มีรถเธอคันเดียวที่จอดอยู่ไกลที่สุด

ขึ้นรถได้พิราภรณ์ก็ออกรถ เธอรู้สึกแปลกๆ เหมือนได้ยินเสียงดังระหว่างขับ พิราภรณ์จะจอดลงไปดูตรงนั้น แต่ก้องเกียรติเตือนว่าให้ขับรถออกไปดูที่ถนนใหญ่ดีกว่า

เมื่อออกมาถึงถนนใหญ่ ก้องเกียรติลงไปดูที่ยางล้อหลังพบว่ายางแบน แต่ไม่ได้แบนจากตะปู มันแบนจากรอยกรีดที่แก้มยาง ฝีมือคนร้ายในลานจอดรถแน่นอน!

พิราภรณ์ใจหายวาบ นี่ถ้าก้องเกียรติไม่ได้ติดรถมาด้วยอะไรจะเกิดขึ้น เธอคงลงไปดูตั้งแต่ในลานจอดรถ และเมื่อคนร้ายเห็นว่าเธออยู่คนเดียว  เธอคง “โดนดี” ไปแล้ว

ตั้งแต่นั้นมา พิราภรณ์จึงตัดสินใจเลิกดูหนังรอบดึกคนเดียวไปเลย

ไม่มีความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.