เทคนิคเรียกสติเพื่อเอาตัวรอดจากการถูกข่มขืน!
ที่สุดแห่งอาชญากรรมที่ผู้หญิงกลัวที่สุด คืออาชญากรรมทางเพศ
แล้วจะทำอย่างไรเมื่อ "ภัยข่มขืน" มาถึงตัว
สติต้องมาอันดับหนึ่ง หัวหน้าศูนย์พิทักษ์สิทธิสตรี บอกไว้ในหนังสือพิมพ์ “เดลินิวส์” ว่า วิธีการที่ผู้หญิงจะ เอาตัวรอดจากภัยข่มขืนได้ ผู้หญิง "ต้องมีสติ" จริงๆ และมีความคิดที่จะเอา ตัวรอดให้ได้ ด้วยกลวิธีใดวิธีหนึ่งซึ่งพิจารณาแล้วว่าจะไม่พลิกเป็นภัยต่อชีวิต
การรวบรวมพลังเพื่อต่อสู้นั้นต้องนึกถึงใครสักคน อาทิ พ่อ แม่ คิดว่าเราจะยังตายไม่ได้
อย่าเอาแต่กรีดร้อง เพราะยิ่งร้องฝ่ายตรงข้ามจะยิ่งโมโห อาจจะ ยิ่งทำร้ายเรา หรืออย่าอ้างว่ามีประจำเดือน เพราะส่วนใหญ่พวกข่มขืนจะไม่เชื่อ
พร้อมยกตัวอย่าง 5 กรณีจริงที่ผู้หญิงใช้ปัญญาผ่าวิกฤติเอาชีวิตรอดสำเร็จมาแล้ว!!!
1) ต่อรองให้เงิน กระชากสติไม่ให้ทำชั่ว
เหยื่อรายหนึ่งเตือนสติคนร้ายว่าการข่มขืนกระทำชำเรานั้นมีโทษหนัก เธอเกลี้ยกล่อมด้วย เหตุผลว่าบริเวณนั้นก็มีสถานบริการอยู่หลายที่ ถ้าไปใช้บริการแบบนั้น ก็จะรอดพ้นความผิด โดยเธอยินดีจ่ายเงินให้เอง
เหยื่อสุดฉลาดรายนี้ใช้วิธีเจรจากับคนร้าย ทำใจ ดีสู้เสือ เอามือไปแตะที่อกคนร้าย แล้วพูดจาเตือนสติ จากนั้นก็ถอดสร้อยทองในคอให้ ในที่สุดคนร้ายยอมเอาสร้อยทองแล้วหนีไป
2) ต่อสู้กับความใคร่ ด้วยการทำให้คนร้ายหมดอารมณ์
แพทย์หญิงคนหนึ่งกำลังเผชิญภัยข่มขืน แต่เธอสามารถเอาตัวรอดจากคนร้ายได้ด้วยความแข็งแกร่งของร่างกายจากการเล่นกีฬาเป็นประจำ และด้วยสติปัญญาของเธอเอง
เหยื่อรายนี้รู้ว่าคนร้ายกำลังหน้ามืดสุดขีด เธอไม่เพียงกัดตามตัวของผู้ชาย ให้เจ็บปวดและหมดอารมณ์ แต่ยังกระชากสร้อยคอของผู้ชายอย่างแรงจนขาดติดมือ เป็นการกระชากผู้ชายออกจากอารมณ์ใคร่ เมื่อมันปล่อยตัวเธอ เธอจึงรีบหนีออกมาจากที่นั้น
3) พูดจาเกลี้ยกล่อม ยกความจริงจี้ใจดำ
นักศึกษาฝึกงานทางจังหวัดภาคใต้ที่ถูกปลัดอำเภอลวงไปข่มขืน สาวน้อยพยายามต่อสู้ แต่ไร้ผล แทนที่จะเอาชนะความแข็งแกร่งทางกาย เธอใช้สติหาวิธี “กระแทกจุดอ่อนทางใจ” แทน
เหยื่อรู้มาว่าภรรยาของปลัดอำเภอคนนั้นกำลังตั้งท้องแก่จวนคลอด จึงพยายามให้สติกับคนร้ายว่า เขากำลังสร้างปัญหาในอนาคตให้ลูก
อะไรจะเกิดขึ้นถ้าภรรยาทราบเรื่อง อะไรจะเกิดขึ้นถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ลูกที่เกิดมาจะต้องพบเจออะไรบ้าง ชีวิตเขาจะเปลี่ยนไปในทางร้ายอย่างไรบ้าง
ซึ่งปรากฏว่าได้ผล เมื่อชายผู้หน้ามืดด้วยความใคร่เกิดได้สติเห็นจริงขึ้นมา และเลิกล้มความคิดที่จะข่มขืนเธอ
4) พิฆาตจุดตาย
กรณีนี้เด็กหญิงคนหนึ่งถูกลุงแท้ๆ พยายามจะข่มขืนหลายครั้งแต่ยังไม่สำเร็จ แม่หนูจึงนำเรื่องไปบอก ครูประจำชั้นเพื่อให้ช่วยหาทางเอาตัวรอด
ครูประจำชั้นจึงแนะนำวิธีง่ายๆ ว่า ถ้าลุงพยายามข่มขืนอีกก็ให้ใช้วิธีบีบอวัยวะเพศให้สุดแรงไปเลย แม่หนูทำตามที่ครูบอก วิธีนี้ได้ผล เธอ “พิฆาตจุดตาย” จนผู้ใหญ่ใจโสมมถึงกับหน้าเขียว หน้าเหลือง สิ้นแรงทำชั่วกับหลานตัวเองไปเลย
5) แกล้งตายเอาตัวรอด
เหยื่อรายนี้เผชิญภัยข่มขืนบนรถประจำทางต่างจังหวัด เธอต่อสู้ทุกวิถีทางทั้งกัดลิ้นและกัดหูแต่ก็ไม่เป็นผล ยิ่งทำไอ้บ้ากามก็ยิ่งหื่น สุดท้ายถึงกับตีศีรษะเธอจนเลือดอาบ หญิงสาวเจ้าปัญญาได้ทีใช้สติเป็นอาวุธ เธอแกล้งทำเป็นนอนตายจมกองเลือดไปเลย
ปรากฏว่าได้ผล คนร้ายกลัวความผิดจึงทิ้งร่างเธอไว้แล้วหลบหนีไป
ช่วงหนึ่งถึงสองนาทีแรกของการประทุษร้ายถือเป็นนาทีทอง เพราะอาชญากรจะต้องประเมินสถานการณ์โดยอัตโนมัติว่าเหยื่อรายนี้ "หมู" หรือ "หิน"
คุณควรฉวยโอกาสสองสามนาทีแรก เตือนสติทุกรูปแบบให้มันสำนึกถึงผลที่จะตามมาในอนาคต
จะด้วยการต่อสู้ ขู่ด้วยข้อกฎหมาย ปลอบโยน หรือแม้แต่ยกแม่น้ำทั้งห้าขึ้นมาเตือนสติก็ได้ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่คุณเผชิญอยู่
ซึ่งถ้าจะขู่ด้วยข้อกฎหมาย คุณต้องมีความรู้ติดกระเป๋าไว้ "ขู่โจร" ว่า ตามกฎหมายไทย มาตรา 276 โทษข่มขืนกระทำชำเราหญิงโดยใช้กำลังประทุษร้าย คือถูกจำคุกตั้งแต่ 4-20 ปี ไม่รวมโทษปรับ แต่ถ้ากระทำโดยมีหรือใช้อาวุธปืน หรือวัตถุระเบิด โทษขั้นต่ำจะเพิ่มขึ้น กลายเป็นถูกจำคุกยาว 15 ปี จนถึงตลอดชีวิต
ขู่มันว่า ควรหรือที่จะทิ้งชีวิตไว้ในเรือนจำ มันคุ้มค่ากันไหมกับการระบายความใคร่แค่ชั่ววูบ
หากในที่สุดคุณถูกคนร้ายควบคุมหรือจับตัวไว้ได้
ให้จำเอาไว้ว่า หนทางรอดของคุณยังมีอยู่ อย่ายอมให้เหตุการณ์เกิดขึ้นโดยดุษณี ทุกวินาทียังคงมีช่องว่างสำหรับคนฉลาดอย่างคุณ
ห้าเทคนิคที่คุณควรรู้ไว้เมื่ออยู่ในเงื้อมมือคนร้ายที่กำลังจะข่มขืน
1.ก่อนจะข่มขืน คนร้ายจะต้องถอดเสื้อผ้าเหยื่อ จากนั้นก็จะถอดเสื้อผ้าตัวเอง ช่วงจังหวะที่คนร้ายกำลังปลดเสื้อผ้านั้นเป็นจุดสำคัญ ที่คุณยังฉวยโอกาสพลิกสถานการณ์ได้ โดยอาจใช้เท้าถีบ หรือใช้เข่ากระแทกที่อวัยวะเพศตรงหว่างขาให้เต็มแรง คนร้ายจะเจ็บและหมดแรงชั่วขณะ
2. ถ้าเลยจุดนั้นไปแล้ว มันกำลังจะข่มขืนคุณ แสร้งทำเป็นลมหรือหมดสติ เผื่อคนร้ายอาจจะเปลี่ยนใจ คนทั่วไปมักไม่ต้องการที่จะร่วมเพศกับคนที่ไร้สติสัมปชัญญะ
3. หากบังเอิญถูกข่มขืนในรถยนต์ ให้แกล้งทำเป็นอาเจียนโดยใช้นิ้วมือล้วงคอตัวเอง พยายามทำให้รถเปื้อนมากๆ คนร้ายอาจโมโหหยุดรถ และเปิดประตูให้อาเจียนออกนอกรถ คุณจะได้ฉวยโอกาสหนี
4. ท้ายสุดสุดท้ายจริงๆ คนร้ายกำลังจะร่วมเพศ วินาทีสุดท้ายนี้ให้รีบหนีบขาชิดติดกันเข้าไว้จนแน่น
คนร้ายจะไม่มีโอกาสสอดอวัยวะเพศเข้าไปได้ ฉวยโอกาสนี้ใช้มือคว้าพวงสวรรค์หรืออัณฑะแล้วบีบ
ให้สุดแรงเกิด หรือใช้หัวเข่าอัดเข้าไปที่บริเวณอัณฑะอย่างเต็มที่
5.การจู่โจมนี้คุณต้องตัดสินใจอย่างฉับพลัน ถูกจังหวะ และสุดแรงอย่างชนิดหวังผล เพราะถ้าพลาด
คนร้ายจะตอบโต้ด้วยความรุนแรงยิ่งขึ้นไปอีก
(ข้อมูล : “ผจญภัยในนาทีวิกฤติ” โดย ศาสตราจารย์สุชาติ โสมประยูร)
แล้วจะทำอย่างไรเมื่อ "ภัยข่มขืน" มาถึงตัว
สติต้องมาอันดับหนึ่ง หัวหน้าศูนย์พิทักษ์สิทธิสตรี บอกไว้ในหนังสือพิมพ์ “เดลินิวส์” ว่า วิธีการที่ผู้หญิงจะ เอาตัวรอดจากภัยข่มขืนได้ ผู้หญิง "ต้องมีสติ" จริงๆ และมีความคิดที่จะเอา ตัวรอดให้ได้ ด้วยกลวิธีใดวิธีหนึ่งซึ่งพิจารณาแล้วว่าจะไม่พลิกเป็นภัยต่อชีวิต
การรวบรวมพลังเพื่อต่อสู้นั้นต้องนึกถึงใครสักคน อาทิ พ่อ แม่ คิดว่าเราจะยังตายไม่ได้
อย่าเอาแต่กรีดร้อง เพราะยิ่งร้องฝ่ายตรงข้ามจะยิ่งโมโห อาจจะ ยิ่งทำร้ายเรา หรืออย่าอ้างว่ามีประจำเดือน เพราะส่วนใหญ่พวกข่มขืนจะไม่เชื่อ
พร้อมยกตัวอย่าง 5 กรณีจริงที่ผู้หญิงใช้ปัญญาผ่าวิกฤติเอาชีวิตรอดสำเร็จมาแล้ว!!!
1) ต่อรองให้เงิน กระชากสติไม่ให้ทำชั่ว
เหยื่อรายหนึ่งเตือนสติคนร้ายว่าการข่มขืนกระทำชำเรานั้นมีโทษหนัก เธอเกลี้ยกล่อมด้วย เหตุผลว่าบริเวณนั้นก็มีสถานบริการอยู่หลายที่ ถ้าไปใช้บริการแบบนั้น ก็จะรอดพ้นความผิด โดยเธอยินดีจ่ายเงินให้เอง
เหยื่อสุดฉลาดรายนี้ใช้วิธีเจรจากับคนร้าย ทำใจ ดีสู้เสือ เอามือไปแตะที่อกคนร้าย แล้วพูดจาเตือนสติ จากนั้นก็ถอดสร้อยทองในคอให้ ในที่สุดคนร้ายยอมเอาสร้อยทองแล้วหนีไป
2) ต่อสู้กับความใคร่ ด้วยการทำให้คนร้ายหมดอารมณ์
แพทย์หญิงคนหนึ่งกำลังเผชิญภัยข่มขืน แต่เธอสามารถเอาตัวรอดจากคนร้ายได้ด้วยความแข็งแกร่งของร่างกายจากการเล่นกีฬาเป็นประจำ และด้วยสติปัญญาของเธอเอง
เหยื่อรายนี้รู้ว่าคนร้ายกำลังหน้ามืดสุดขีด เธอไม่เพียงกัดตามตัวของผู้ชาย ให้เจ็บปวดและหมดอารมณ์ แต่ยังกระชากสร้อยคอของผู้ชายอย่างแรงจนขาดติดมือ เป็นการกระชากผู้ชายออกจากอารมณ์ใคร่ เมื่อมันปล่อยตัวเธอ เธอจึงรีบหนีออกมาจากที่นั้น
3) พูดจาเกลี้ยกล่อม ยกความจริงจี้ใจดำ
นักศึกษาฝึกงานทางจังหวัดภาคใต้ที่ถูกปลัดอำเภอลวงไปข่มขืน สาวน้อยพยายามต่อสู้ แต่ไร้ผล แทนที่จะเอาชนะความแข็งแกร่งทางกาย เธอใช้สติหาวิธี “กระแทกจุดอ่อนทางใจ” แทน
เหยื่อรู้มาว่าภรรยาของปลัดอำเภอคนนั้นกำลังตั้งท้องแก่จวนคลอด จึงพยายามให้สติกับคนร้ายว่า เขากำลังสร้างปัญหาในอนาคตให้ลูก
อะไรจะเกิดขึ้นถ้าภรรยาทราบเรื่อง อะไรจะเกิดขึ้นถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ลูกที่เกิดมาจะต้องพบเจออะไรบ้าง ชีวิตเขาจะเปลี่ยนไปในทางร้ายอย่างไรบ้าง
ซึ่งปรากฏว่าได้ผล เมื่อชายผู้หน้ามืดด้วยความใคร่เกิดได้สติเห็นจริงขึ้นมา และเลิกล้มความคิดที่จะข่มขืนเธอ
4) พิฆาตจุดตาย
กรณีนี้เด็กหญิงคนหนึ่งถูกลุงแท้ๆ พยายามจะข่มขืนหลายครั้งแต่ยังไม่สำเร็จ แม่หนูจึงนำเรื่องไปบอก ครูประจำชั้นเพื่อให้ช่วยหาทางเอาตัวรอด
ครูประจำชั้นจึงแนะนำวิธีง่ายๆ ว่า ถ้าลุงพยายามข่มขืนอีกก็ให้ใช้วิธีบีบอวัยวะเพศให้สุดแรงไปเลย แม่หนูทำตามที่ครูบอก วิธีนี้ได้ผล เธอ “พิฆาตจุดตาย” จนผู้ใหญ่ใจโสมมถึงกับหน้าเขียว หน้าเหลือง สิ้นแรงทำชั่วกับหลานตัวเองไปเลย
5) แกล้งตายเอาตัวรอด
เหยื่อรายนี้เผชิญภัยข่มขืนบนรถประจำทางต่างจังหวัด เธอต่อสู้ทุกวิถีทางทั้งกัดลิ้นและกัดหูแต่ก็ไม่เป็นผล ยิ่งทำไอ้บ้ากามก็ยิ่งหื่น สุดท้ายถึงกับตีศีรษะเธอจนเลือดอาบ หญิงสาวเจ้าปัญญาได้ทีใช้สติเป็นอาวุธ เธอแกล้งทำเป็นนอนตายจมกองเลือดไปเลย
ปรากฏว่าได้ผล คนร้ายกลัวความผิดจึงทิ้งร่างเธอไว้แล้วหลบหนีไป
ช่วงหนึ่งถึงสองนาทีแรกของการประทุษร้ายถือเป็นนาทีทอง เพราะอาชญากรจะต้องประเมินสถานการณ์โดยอัตโนมัติว่าเหยื่อรายนี้ "หมู" หรือ "หิน"
คุณควรฉวยโอกาสสองสามนาทีแรก เตือนสติทุกรูปแบบให้มันสำนึกถึงผลที่จะตามมาในอนาคต
จะด้วยการต่อสู้ ขู่ด้วยข้อกฎหมาย ปลอบโยน หรือแม้แต่ยกแม่น้ำทั้งห้าขึ้นมาเตือนสติก็ได้ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่คุณเผชิญอยู่
ซึ่งถ้าจะขู่ด้วยข้อกฎหมาย คุณต้องมีความรู้ติดกระเป๋าไว้ "ขู่โจร" ว่า ตามกฎหมายไทย มาตรา 276 โทษข่มขืนกระทำชำเราหญิงโดยใช้กำลังประทุษร้าย คือถูกจำคุกตั้งแต่ 4-20 ปี ไม่รวมโทษปรับ แต่ถ้ากระทำโดยมีหรือใช้อาวุธปืน หรือวัตถุระเบิด โทษขั้นต่ำจะเพิ่มขึ้น กลายเป็นถูกจำคุกยาว 15 ปี จนถึงตลอดชีวิต
ขู่มันว่า ควรหรือที่จะทิ้งชีวิตไว้ในเรือนจำ มันคุ้มค่ากันไหมกับการระบายความใคร่แค่ชั่ววูบ
หากในที่สุดคุณถูกคนร้ายควบคุมหรือจับตัวไว้ได้
ให้จำเอาไว้ว่า หนทางรอดของคุณยังมีอยู่ อย่ายอมให้เหตุการณ์เกิดขึ้นโดยดุษณี ทุกวินาทียังคงมีช่องว่างสำหรับคนฉลาดอย่างคุณ
ห้าเทคนิคที่คุณควรรู้ไว้เมื่ออยู่ในเงื้อมมือคนร้ายที่กำลังจะข่มขืน
1.ก่อนจะข่มขืน คนร้ายจะต้องถอดเสื้อผ้าเหยื่อ จากนั้นก็จะถอดเสื้อผ้าตัวเอง ช่วงจังหวะที่คนร้ายกำลังปลดเสื้อผ้านั้นเป็นจุดสำคัญ ที่คุณยังฉวยโอกาสพลิกสถานการณ์ได้ โดยอาจใช้เท้าถีบ หรือใช้เข่ากระแทกที่อวัยวะเพศตรงหว่างขาให้เต็มแรง คนร้ายจะเจ็บและหมดแรงชั่วขณะ
2. ถ้าเลยจุดนั้นไปแล้ว มันกำลังจะข่มขืนคุณ แสร้งทำเป็นลมหรือหมดสติ เผื่อคนร้ายอาจจะเปลี่ยนใจ คนทั่วไปมักไม่ต้องการที่จะร่วมเพศกับคนที่ไร้สติสัมปชัญญะ
3. หากบังเอิญถูกข่มขืนในรถยนต์ ให้แกล้งทำเป็นอาเจียนโดยใช้นิ้วมือล้วงคอตัวเอง พยายามทำให้รถเปื้อนมากๆ คนร้ายอาจโมโหหยุดรถ และเปิดประตูให้อาเจียนออกนอกรถ คุณจะได้ฉวยโอกาสหนี
4. ท้ายสุดสุดท้ายจริงๆ คนร้ายกำลังจะร่วมเพศ วินาทีสุดท้ายนี้ให้รีบหนีบขาชิดติดกันเข้าไว้จนแน่น
คนร้ายจะไม่มีโอกาสสอดอวัยวะเพศเข้าไปได้ ฉวยโอกาสนี้ใช้มือคว้าพวงสวรรค์หรืออัณฑะแล้วบีบ
ให้สุดแรงเกิด หรือใช้หัวเข่าอัดเข้าไปที่บริเวณอัณฑะอย่างเต็มที่
5.การจู่โจมนี้คุณต้องตัดสินใจอย่างฉับพลัน ถูกจังหวะ และสุดแรงอย่างชนิดหวังผล เพราะถ้าพลาด
คนร้ายจะตอบโต้ด้วยความรุนแรงยิ่งขึ้นไปอีก
(ข้อมูล : “ผจญภัยในนาทีวิกฤติ” โดย ศาสตราจารย์สุชาติ โสมประยูร)
ไม่มีความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น